เคล็ดลับสุขภาพกับเมก้าเกม 10 วิธีบรรเทาอาการไอให้หายเร็วที่สุด
เป็นหวัด เป็นหอบหืด คอแห้ง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นโรคกรดไหลย้อน ภูมิแพ้ สูบบุหรี่ วัณโรค หลอดลมโป่งพอง ไปจนถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เรามีอาการไอ ทั้งไอแห้ง ไอแบบมีเสมหะ หรือไอเรื้อรัง แต่ไม่ว่าจะไอแบบไหน ก็สร้างความรำคาญให้กับเราได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน จนบางครั้งไอจนหน้าดำหน้าแดง แถมไอในที่สาธารณะอย่างบนรถโดยสารก็กลัวคนจะมองค้อน เมก้าเกมจึงขอแนะนำวิธีบรรเทาอาการไอให้ลดลงโดยเร็วที่สุด ทั้งง่าย และได้ผลแน่นอน
หาสาเหตุกับเมก้าเกมอาการไอมีสาเหตุมาจากอะไร
อาการไอที่มีระยะเวลาน้อยกว่า 3 สัปดาห์ จะหมายถึงอาการไอชนิดที่เกิดขึ้นชั่วคราวหรือชนิดเฉียบพลัน และอาการไอที่มีระยะเวลาติดต่อกันนานกว่า 8 สัปดาห์ขึ้นไป (4 สัปดาห์สำหรับเด็ก) จะหมายถึงอาการไอที่เกิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหรือชนิดเรื้อรัง สาเหตุของอาการไอที่เกิดขึ้นชั่วคราวหรือชนิดเฉียบพลันที่พบได้บ่อย ได้แก่
- การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบน (Upper Respiratory Tract infection: URTI) ที่ส่งผลกระทบกับคอ ท่อลม หรือไซนัส เช่น ไข้หวัด กล่องเสียงอักเสบ โพรงจมูกอักเสบ หรือโรคไอกรน
- การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง (Lower Respiratory Tract Infection: LRTI) ที่ส่งผลกระทบกับปอดหรือทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น หลอดลมอักเสบ หรือปอดบวม
- ภูมิแพ้ เช่น โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือไข้ละอองฟาง (Hay Fever)
- อาการไอที่กำเริบจากโรคทางเดินหายใจเรื้อรังบางโรค เช่น โรคหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
- การสูดสารที่ก่อการระคายเคือง เช่น ฝุ่นหรือควัน เป็นต้น
สาเหตุของอาการไอเรื้อรังที่พบได้บ่อย ได้แก่
- การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น หลอดลมอักเสบเรื้อรัง
- โรคหืด นอกจากจะทำให้เกิดอาการไอแล้ว ยังทำให้เกิดอาการอื่น ๆ เช่น หายใจมีเสียง แน่นหน้าอก หรือหายใจตื้น
- โรคกรดไหลย้อน
- การสูบบุหรี่ นอกจากจะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคร้ายมากมายแล้ว ยังอาจทำให้เกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งทำให้เกิดอาการไอได้
- โรคหลอดลมโป่งพอง ภาวะที่หลอดลมโป่งกว้างหรือพองออกผิดปกติถาวรจากการอักเสบ
- โรคภูมิแพ้ เช่น แพ้ไรฝุ่น แพ้อาหาร หรือแพ้ยาบางชนิด
- วัณโรค เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน 3 สัปดาห์ขึ้นไป หรือไอเป็นเลือด และมีไข้ต่ำ ๆ
- น้ำมูกไหลลงคอ อาจเกิดจากโรคเยื่อจมูกอักเสบหรือโพรงจมูกอักเสบ
- ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต
นอกจากนั้น อาการไอเรื้อรังอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะที่รุนแรง เช่น มะเร็งปอด ภาวะหัวใจวาย โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด หรือวัณโรค แต่จะเป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก
เมก้าเกมพาคุณไปดู 10 วิธีบรรเทาอาการไอให้หายเร็วที่สุด
- ดื่มน้ำให้มากขึ้น
เริ่มต้นง่ายๆ กับการดื่มน้ำในแต่ละวันให้มากขึ้น ใครที่มีเสมหะในคอ น้ำก็จะช่วยละลายเสมหะให้น้อยลงได้ ส่วนใครที่มีอาการไอแห้งๆ น้ำก็จะช่วยให้ความชุ่มชื้นในลำคอได้ ทำให้มีอาการระคายเคืองภายในคอลดลงเช่นกัน - ดื่มน้ำอุ่น
หากเลือกที่จะดื่มน้ำให้มากขึ้นแล้ว ควรเลือกดื่มน้ำอุ่นแทนการดื่มน้ำเย็น เพราะน้ำอุ่นจะช่วยละลายเสมหะ และให้ความชุ่มชื้นภายในลำคอได้ดีกว่าน้ำเย็น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาวระหว่างวันได้เช่นกัน - อาบน้ำอุ่น
ข้างในอุ่นแล้ว ข้างนอกก็ต้องอุ่นด้วย การอาบน้ำอุ่นนอกจากจะช่วยลดน้ำมูกได้แล้ว ยังดีต่อร่างกายของคนที่เป็นหวัด และภูมิแพ้อีกด้วย - อมยาแก้ไอ
อย่าคิดว่าอาการไอจะหายไปได้เองง่ายๆ หากมีอาการไอจนตัวงอ ไอจนเพื่อนข้างๆ รำคาญ ควรรีบหายาแก้ไอมาอมด่วนๆ เพราะในยาแก้ไอจะมีส่วมประกอบที่จะช่วยลดอาการระคายเคืองภายในลำคอได้ - ใช้เครื่องทำความชื้นในอากาศ
บ้านไหนที่เปิดเครื่องปรับอากาศนอน ตกกลางคืนอากาศอาจจะแห้งจนทำให้อาการไอแย่หนักไปกว่าเดิม แม้ว่าอากาศในบ้านเราจะค่อนข้างร้อนชื้นอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการระคายเคืองคออยู่แล้ว อากาศแห้งๆ เย็นๆ จะยิ่งทำให้อาการไอเป็นหนักกว่าเดิม และอาจมีอาการคัดจมูกร่วมด้วย ดังนั้นหากใช้เครื่องทำความชื้นภายในห้องนอน ก็จะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองคอได้ - งดสูบบุหรี่
ใครที่สูบบุหรี่ควรงดการสูบบุหรี่ในช่วงที่มีอาการไอเด็ดขาด เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้ระคายเคืองคอมากยิ่งขึ้น และยังอาจทำให้มีเสมหะมากขึ้นได้อีกด้วย (แต่อยากจะแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ไปเลยจะดีกว่า เพราะการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคหลอดลมโป่งพอง และโรคอันตรายอื่นๆ อีกมากมาย) หากคุณไม่ใช่คนที่สูบบุหรี่ ก็ควรอยู่ให้ไกลห่างจากผู้ที่สูบบุหรี่ หรือกลุ่มคนที่สูบบุหรี่ด้วยเช่นกัน - งดใช้น้ำหอม สเปรย์ต่างๆ
ส่วนประกอบของน้ำหอม และสเปรย์ต่างๆ (รวมถึงสเปรย์น้ำหอมปรับอากาศ) การทำให้โพรงจมูกมีอาการระคายเคืองได้ และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเสมหะเพิ่มมากขึ้น หรือไอเรื้อรังได้ - หลีกเลี่ยงฝุ่น ควันต่างๆ
นอกจากน้ำหอม และสเปรย์แล้ว อากาศรอบตัวอย่างอากาศแห้งๆ จากเครื่องปรับอากาศภายในสำนักงาน ฝุ่นควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ ควันจากการทำอาหาร มลพิษทางอากาศเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในโพรงจมูก และลำคอได้ ดังนั้นขณะที่มีอาการไอ ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากมลพิษทางอากาศเหล่านี้ด้วย - นอนพักผ่อนให้มากขึ้น
ส่วนใหญ่แล้ว อาการไอที่แย่ลงเรื่อยๆ หรือหายช้า เป็นเพราะร่างกายไม่มีเวลาที่จะซ่อมแซมตัวเอง เพราะเราใช้ร่างกายของเราหนักเกินไปจนพักผ่อนน้อยนั่นเอง ดังนั้นหากรู้ตัวว่าป่วย ไอหนักมาก ควรรีบเข้านอนแต่หัววันตั้งแต่อากาศยังไม่เย็นมากจนเกินไป และพักผ่อนให้เพียงพอ - พบแพทย์
ทางสุดท้ายที่จะเพิ่งได้ คือการพบหมอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะอาการไอที่เราเป็นมานาน ทำทุกอย่างแล้วก็ไม่หาย อาจจะไม่ใช่อาการไอธรรมดาๆ โดยอาการไออาจจะเป็นเพียงอาการเบื้องต้น ที่เป็นสัญญาณเตือนถึงโรคอันตรายอื่นๆ ได้ ดังนั้นการพบแพทย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับใครก็ตามที่อาการไอไม่ดีขึ้นเลยภายใน 1-2 สัปดาห์